5 แนวคิดการทำตลาดปี 2016
ทุกบริษัทต่างมองไปข้างหน้าปี 2016 แล้วว่า ควรวางแผนกลยุทธ์การตลาดอย่างไร... ผมจึงสรุปจากสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มอนาคตปีหน้าไว้ 5 แนวคิดด้วยกันเผื่อเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน มาดูกันครับ
1.) Value Centric
ปีหน้ายังคงเป็นปีที่ยากลำบากในเรื่องเศรษฐกิจทั้งในบ้านเราเองและทั่วโลกครับ... การที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์นั้น จึงใส่ใจกับเรื่องคุณค่า (Value) มากขึ้น ว่าซื้อผลิตภัณฑ์นี้แบรนด์นี้แล้ว มันคุ้มค่าในแง่การใช้งาน (Functional) อารมณ์ (Emotional) และ/หรือเหตุผล (Rationale) โดยเฉพาะเรื่องราคาอย่างไรหากผลิตภัณฑ์/แบรนด์เราไม่สามารถตอบโจทย์คุณค่าที่กลุ่มเป้าหมายมองหาได้ หรือทำได้ด้อยกว่าคู่แข่งก็จะเป็นการยากมากในการทำตลาดสร้างยอดขายและกำไรครับ
2.) Always Flexible
ในโลกยุคใหม่ที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ทุกวินาที อย่าวางแผนการตลาด (Plan) แล้ว เมื่อลงมือทำ (Do) ยึดติดกับแผนมากนัก ไม่หมั่นตรวจสอบ (Check) และปรับปรุงแก้ไข/พัฒนา (Act)ต้องรู้จักยืดหยุ่น (Flexible) ตลอดเวลาในการลงมือทำครับ สำคัญที่สุดคือ เป้าหมาย/วัตถุประสงค์ที่เราต้องทำให้ได้ทำให้ถึงต่างหาก3.) Information Basedก่อนการลงมือหรือตัดสินใจอะไรในการทำตลาด ต้องมี/ใช้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือประกอบด้วยเสมอ โดยเฉพาะข้อมูลลูกค้า (Customer) ผู้บริโภค (Consumer) คู่แข่ง (Competitor)ซึ่งในยุคที่ข้อมูลล้นตลาดนี้... อย่าดูหรือใช้ข้อมูลเพียงแหล่งเดียว แต่ให้หาข้อมูลจากหลายแห่งประกอบและดูความสอดคล้องกันของข้อมูล มิฉะนั้นอาจวิเคราะห์ข้อมูลผิดได้ ซึ่งจะส่งผลร้ายในการทำตลาดจากข้อมูลที่ผิดพลาดมากครับ
4.) Lifestyles Focus
พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว คนสูงอายุทำตัววัยรุ่นใช้ชีวิตอย่างวัยรุ่น คนวัยทำงานรักการท่องเที่ยวรักการหาความสุข ณ ตอนนี้ วัยรุ่นมองหาความสำเร็จอย่างรวดเร็ว... เรื่องอายุแทบจะไม่ใช่ประเด็นในการแบ่งกลุ่ม (Segmentation) และใช้ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) อีกต่อไปกลายเป็นวิถีการดำรงชีวิต (Lifestyles) ต่างหาก ที่นักการตลาดควรใช้ในการแบ่งกลุ่มและกำหนดกลุ่มเป้าหมาย... โดยอาจเริ่มทำตลาดกับผู้คนที่มี Lifestyle เหมือนกันเฉพาะกลุ่มก่อน (Lifestyles Niche) เมื่อมั่นใจแล้วจึงขยายเป็นกลุ่มใหญ่ (Mass Niche) ต่อไป
5.) Integrated Communication
ในยุคนี้ที่ใครๆ ต่างก็เน้นไปที่ Digital Marketing โดยเฉพาะ Social Media ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไรครับ เพราะเทรนด์มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ... แต่สื่อดั้งเดิม (Traditional Media) ที่เป็น Offline เช่น ทีวี วิทยุ บิลบอร์ด หนังสือพิมพ์ การจัดกิจกรรม ฯลฯ ก็ยังสำคัญอยู่ มองข้ามหรือลืมมันไปไม่ได้เช่นกันการสื่อสารการตลาด (Marketing Communication) สำคัญที่มองไปยังกลุ่มเป้าหมายว่า พวกเค้าเสพสื่ออะไรในแต่ละวัน แล้วจึงวกกลับมาวางแผนสื่อ... ดังนั้นทั้ง Offline และ Online หากเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ก็ถือว่า สำคัญทั้งคู่ครับโจทย์หลักคือ จะใช้สื่อทั้ง Offline และ Online นี้ รวมกัน (Integration) อย่างไร ให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุดต่างหากครับ
Wikran M.
พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว คนสูงอายุทำตัววัยรุ่นใช้ชีวิตอย่างวัยรุ่น คนวัยทำงานรักการท่องเที่ยวรักการหาความสุข ณ ตอนนี้ วัยรุ่นมองหาความสำเร็จอย่างรวดเร็ว... เรื่องอายุแทบจะไม่ใช่ประเด็นในการแบ่งกลุ่ม (Segmentation) และใช้ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) อีกต่อไปกลายเป็นวิถีการดำรงชีวิต (Lifestyles) ต่างหาก ที่นักการตลาดควรใช้ในการแบ่งกลุ่มและกำหนดกลุ่มเป้าหมาย... โดยอาจเริ่มทำตลาดกับผู้คนที่มี Lifestyle เหมือนกันเฉพาะกลุ่มก่อน (Lifestyles Niche) เมื่อมั่นใจแล้วจึงขยายเป็นกลุ่มใหญ่ (Mass Niche) ต่อไป
5.) Integrated Communication
ในยุคนี้ที่ใครๆ ต่างก็เน้นไปที่ Digital Marketing โดยเฉพาะ Social Media ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไรครับ เพราะเทรนด์มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ... แต่สื่อดั้งเดิม (Traditional Media) ที่เป็น Offline เช่น ทีวี วิทยุ บิลบอร์ด หนังสือพิมพ์ การจัดกิจกรรม ฯลฯ ก็ยังสำคัญอยู่ มองข้ามหรือลืมมันไปไม่ได้เช่นกันการสื่อสารการตลาด (Marketing Communication) สำคัญที่มองไปยังกลุ่มเป้าหมายว่า พวกเค้าเสพสื่ออะไรในแต่ละวัน แล้วจึงวกกลับมาวางแผนสื่อ... ดังนั้นทั้ง Offline และ Online หากเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ก็ถือว่า สำคัญทั้งคู่ครับโจทย์หลักคือ จะใช้สื่อทั้ง Offline และ Online นี้ รวมกัน (Integration) อย่างไร ให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุดต่างหากครับ
Wikran M.
Original Source :http://marketingforexp.blogspot.com/2015/11/5-2016.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น