วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Re-engineering


Re-engineering


Framework Management Tool Box : Re-engineering
ด้าน Organizing


เผด็จ  เย็นวิชัย

Michael Hammer and James Champy

แนวความคิดของ Adam Smith ไม่เหมาะสมกับสภาพธุรกิจปัจจุบัน ด้วยสภาวการณ์ต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากปัจจัยผันแปร 3 ประการคือ

1. ความสำคัญของลูกค้า (Customer)

2. สภาพการแข่งขัน (Competition)

3. การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง (Change)


Re-engineering หมายถึง การพิจารณาหลักการพื้นฐานและการคิด แบบขึ้นใหม่ ชนิดถอนรากถอนโคนของกระบวนการธุรกิจเพื่อบรรลุซึ่งผลลัพธ์ของการปรับปรุงอัน ยิ่งใหญ่ โดยใช้มาตรวัดผลการปฏิบัติงานที่ทันสมัยและสำคัญที่สุด ซึ่งได้แก่ ต้นทุน คุณภาพ การบริการและความรวดเร็ว


องค์ประกอบ มีปัจจัย 4 ประการ

1. พื้นฐาน (Fundamental)

2. ถอนรากถอนโคน (Radical)

3. ยิ่งใหญ่ (Dramatic)

4. กระบวนการ (Processes)


ผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำ Re-engineering

1. ผู้นำ (Leader)

2. เจ้าของกระบวนการ (Process Owner)

3. ทีม Re-engineering (Re-engineering Team)

4. คณะกรรมการผลักดัน (Steering Committee)

5. หัวเรือใหญ่ในการทำ Re-engineering (Re-engineering Czar)


ขั้นตอนการทำ Re-engineering


1. Re-think

2. Re-design

3. Re-tool

4. Re-train


ข้อดีของการทำ Re-engineering

- ทำให้บุคลากรของหน่วยงานสามารถทำงานได้หลาย ๆ ช่วงการบังคับบัญชาสั้นลง

- ด้านอำนาจและความรับผิดชอบ ทำให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้น

- สายการบังคับบัญชา มีการเปลี่ยนมือจากคน ๆ เดียวมาเป็นคนหลายคน

- สามารถลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานลงได้

- กรทำงานภายในองค์การจะเกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้้น

- ก่อให้เกิดการขยายงานอย่างเป็นระบบ

- ก่อให้เกิดการประหยัดในการดำเนินการทั้งต้นทุนทางตรงและต้นทุนทางอ้อม

- มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญอันจะนำไปสู่ให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น

- เป็นการปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ทั้งหมดในการทำงาน (Holistic approach)

- เจ้าหน้าที่หรือพนักงานสามารถทำงานได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น